ปลาที่มีระบบสืบพันธุ์สุด 'พิสดาร' อยู่กับแบบชั่วชีวิต!

“ปลาตกเบ็ด” (Anglerfish) เป็นปลากระดูกแข็งชนิดหนึ่ง ซึ่งอาศัยอยู่ใต้ทะเลลึกทั่วโลกมากกว่า 200 ชนิด

ลักษณะโดยทั่วไปของปลาชนิดนี้ คือ ขนาดตัวที่ไม่ใหญ่มากนัก โดยมีความยาวตั้งแต่ 20 ถึง 100 เซนติเมตร และหนักประมาณ 45 กิโลกรัม

รูปร่างของมันจะสั้นป้อม และมีส่วนหัวและลำตัวขนาดใหญ่ โดยเฉพาะปากรูปจันทร์เสี้ยวที่กว้างมาก ๆ ของมัน โดยที่ภายในมีฟันที่แหลมคมอยู่จำนวนมาก

จากแหล่งที่อยู่ และสายพันธุ์ที่หลากหลาย จึงทำให้ลักษณะและสีสันที่แตกต่างกันไปบ้าง โดยอาจจะพบเป็นสีเทา ไปจนถึงสีน้ำตาลเข้มเลยทีเดียว

แต่พวกมันมักจะมีจุดเด่นหนึ่งที่คล้ายกัน นั่นก็คือ ติ่งเนื้อบริเวณส่วนหัวของมันที่มีความสามารถเรืองแสงได้ และยังเป็นสิ่งที่มันใช้ในการหาอาหารอีกด้วย

ปลาตกเบ็ดนั้น ได้ชื่อมาจากพฤติกรรมการซุ่มโจมตีเหยื่อ ซึ่งในทะเลลึกที่มืดมิดนั้น พวกมันจะแนบเนียนไปกับสภาพแวดล้อม หรือพื้นทราย แต่ติ่งเนื้อนั้นจะเรืองแสงออกมา

เมื่อเหยื่อเห็นแสงในที่มืดมิดแห่งนี้ ก็มักจะถูกล่อลวงเข้ามา และมันจะใช้ปากขนาดใหญ่งับเข้าไปในครั้งเดียวเลย ซึ่งถ้าได้เหยื่อที่ตัวใหญ่มากพอ จะทำให้มันอิ่มไปเป็นเดือนเลยทีเดียว

ซึ่งการล่าเหยื่อเช่นนี้ จึงเป็นที่มาของชื่อของมัน ที่ราวกับว่ามันใช้ติ่งเนื้อเรืองแสงในการตกปลาชนิดอื่น ๆ เพื่อมาเป็นอาหารนั่นเอง

แต่จริง ๆ แล้วภาพปลาตกเบ็ดที่เราคุ้นตากัน ที่มีตัวอ้วนป้อมขนาดใหญ่ มีติ่งเนื้อ และปากกว้างนั้น เป็นเพียงปลาตกเบ็ดตัวเมียเท่านั้นเอง

นั่นก็เพราะ ตัวผู้มีขนาดเล็กกว่าตัวเมียถึง 40 เท่าเลยทีเดียว แถมส่วนใหญ่ยังมีพัฒนาการของร่างกายที่ไม่สมบูรณ์อีกด้วย มันไม่มีเบ็ดบนหัว มีเพียงดวงตา และรูจมูกที่ใหญ่โต

นั่นก็เพราะตัวผู้ถูกวิวัฒนาการมาเพื่อการสืบพันธุ์เพียงอย่างเดียว โดยมันจะใช้ดวงตา และประสาทรับกลิ่นที่ยอดเยี่ยมของมันในการตามหาตัวเมียในก้นทะเลที่มืดมิดนั่นเอง

และจากขนาดตัวที่เล็กจิ๋วของตัวผู้นี้ มันมีวิธีการสืบพันธุ์ และสามารถเอาชีวิตรอดในทะเลลึกที่โหดร้ายนี้ได้เมื่อเจอกับตัวเมีย

โดยตัวผู้จะพยายามเข้าไปกัดผิวหนังของตัวเมีย และปล่อยสารย่อยสลายผิวหนังของมันเข้ากับตัวเมียนั่นเอง ซึ่งทำให้มันหลอมรวมกัน และใช้ระบบไหลเวียนโลหิตร่วมกัน

ซึ่งตัวผู้ที่มาเกาะติดเช่นนี้ จะอยู่ในสถานะปรสิตไปตลอดชีวิต แต่มันก็ไม่อดตาย และทำให้ตัวเมียพร้อมที่จะวางไข่ตลอดเวลาอีกด้วย (วีดีโอ NatGeoWILD)

โดยเราจะสังเกตเห็นได้จากตัวเมียจะมีติ่งเนื้อรูปร่างประหลาดตามตัว นั่นคือตัวผู้ที่หลอมรวมเข้ากับตัวเมียนั่นเอง แต่ตัวเมียหนึ่งตัวสามารถพบตัวผู้มาเกาะติดอยู่ได้หลายตัวเลยทีเดียว

ซึ่งการทำเช่นนี้ เป็นวิวัฒนาการที่ทำให้พวกมันดำรงสายพันธุ์ อยู่รอดมาตั้งแต่ ยุคครีเทเชียส หรือเมื่อ 130 ถึง 100 ล้านปีก่อน มาจนถึงปัจจุบันได้นั่นเอง

Ref : NationalGeographic, Marinemadness, Oceana, Nytimes, Fishingthai, Wikipedia
Pic : NationalGeographic, Marinemadness, Steemkr, Fishingthai, Wikimedia, Pinterest
#ส่องโลกกว้าง