‘ต้นไม้ปีศาจ’ พืชโบราณ มีอายุยืนยาวกว่าวาฬโบว์เฮดเกือบ 10 เท่า!

ด้วยภาพที่เห็นราวกับว่า ที่เป็นกองซากพืช ที่ถูกนำมากอง ๆ รวมกันเพื่อที่รอการนำไปทิ้งเลยทีเดียว แต่จริง ๆ แล้วมันคือ พืชทะเลทรายสุดแปลกชนิดหนึ่ง ที่อึดและทนทานมาก ๆ อีกทั้งยังมีอายุมาเป็นพันปีอีกด้วย

“ต้นเวลวิชเซีย” หรือ “ต้นปีศาจทะเลทราย” (Welwitschia, Desert devil) มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Welwitschia mirabilis เป็นพืชเพียงชนิดเดียวในอันดับ Welwitschiales ที่ยังมีชีวิตอยู่ในปัจจุบัน

เป็นพืชที่มีต้นกำเนิดในทะเลทรายนามิบ (Namib desert) ที่อยู่ในประเทศนามิเบีย (Namibia) และแองโกลา (Angola) ทางตะวันตกเฉียงใต้ในทวีปแอฟริกา

นอกจากนี้พืชชนิดนี้ ยังถือว่าเป็นหนึ่งใน “ฟอสซิลมีชีวิต” โดยฟอสซิลที่ถูกพบได้บ่งชี้ว่า พืชในวงศ์ Welwitschiaceae มีชีวิตอยู่มาตั้งแต่ ยุคครีเทเชียส (Cretaceous) ตอนต้นไปจนถึงตอนปลาย อีกทั้งพืชที่หลงเหลือในปัจจุบันยังมีลักษณะไม่ต่างกันกับที่พบในฟอสซิลมากนักอีกด้วย

มันเป็นพืชที่มีใบเพียง 2 ใบต่อต้นเท่านั้นเอง ซึ่งแต่ละใบจะแบนยาวได้กว่า 4 เมตร และเนื่องจากขนาดใบของมัน จึงทำให้เมื่อถูกแรงลมที่รุนแรง ปลายใบจึงขาดออกเป็นเส้น ๆ นั่นเอง อย่างไรก็ตามใบของพวกมันก็ยังสามารถเจริญเติบโตได้อย่างต่อเนื่องอีกด้วย

.

ปกติจะมีลักษณะเป็นต้นเตี้ยติดดินคล้ายพืชหัว ซึ่งต้นที่ใหญ่ที่สุดที่เคยถูกพบนั้น มีความสูงถึง 1.5 เมตร และเส้นรอบวงของใบที่ลงมาสัมผัสกับทรายอาจจะมีขนาดถึง 8 เมตรเลยทีเดียว

ภายในพื้นที่ทะเลทรายที่แห้งแล้งเช่นนี้ การหาน้ำเป็นไปได้ยากมาก แต่พวกมันมีรากที่หยั่งลึกลงไปหลายเมตร เพื่อหาน้ำ หรือความชื้นจากดินทรายด้านล่าง

นอกจากมันจะเป็นต้นไม้เก่าแก่ ที่สืบทอดมาจากต้นไม้จากยุคครีเทเชียสแล้ว เจ้าต้นไม้สุดแปลกนี้ยังมีอายุยืนยาวนานกว่ามนุษย์หลายช่วงอายุคนเสียอีก ซึ่งมีอายุมากกว่า 1,000 ปีขึ้นไป และบางต้นที่อยู่ภายในทะเลทรายนามิบนั้น อาจจะมีอายุมากกว่า 2,000 ปีเลยทีเดียว

ซึ่งเมื่อเทียบกับ “วาฬหัวคันศร” หรือ “วาฬโบว์เฮด” (Bowhead whale) สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่มีอายุมากที่สุดราว 200 ปี ซึ่งเจ้าต้นไม้นี้มีอายุยืนยาวกว่า 10 เท่าเลยทีเดียว

ซึ่งงานวิจัยล่าสุด ในปี 2021 ได้ทำการศึกษาจีโนมของพืชชนิดนี้ จึงได้พบความซ้ำซ้อนทางพันธุกรรม ที่คาดว่าเกิดจากความเครียดในสภาพอากาศที่แห้งแล้งอย่างรุนแรงเมื่อ 86 ล้านปีก่อน ทำให้เกิดกระบวนการ silencing DNA methylation ทำให้ลดการเผาผลาญของสารพันธุกรรมขนาดใหญ่ อีกทั้งยังช่วยปรับความยืดหยุ่นภายในพันธุกรรมอีกด้วย

.

ด้วยเหตุนี้จึงทำให้กลายเป็นพืชสุดแข็งแกร่งที่สามารถทนอยู่ในสภาพอากาศสุดแห้งแล้งได้ นอกจากนี้เมล็ดพันธุ์ของมันยังสามารถเติบโตได้ง่าย แต่อาจจะมีการปนเปื้อนสปอร์เชื้อรา ที่ทำให้เมล็ดเน่าหลังงอกไม่นานนัก

.

อย่างไรก็ตามพืชสุดแปลกชนิดนี้ ก็ได้ถูกเพาะพันธุ์จนสามารถนำไปปลูกในสถานที่อื่น ๆ ได้ อีกทั้งยังมีคนนำมาปลูกขายที่ประเทศไทยบ้านเราอีกด้วย แต่กว่าจะเห็นมันโตเต็มที่ก็น่าจะต้องรอดูหลายช่วงอายุเลยทีเดียว

.

แต่ในธรรมชาติที่เราเห็นมันเป็นกอมีหลากหลายใบนั้น มาจากหลายต้น เนื่องจากเมล็ดที่ร่วงหล่นไปโดยรอบและเจริญเติบโตกลายเป็นกอใหญ่เช่นนี้ ซึ่งทำให้มองเห็นได้ยากว่า มันมีเพียง 2 ใบต่อต้นเท่านั้นเอง

.

 

Ref : Goudiniwine, Info-Namibia, Nature, Cactusfriday, Fishingthai, Wikipedia
Pic : Goudiniwine, Info-Namibia, Nature, Wikimedia, Pinterest
#ส่องโลกกว้าง

 

คลังภาพแกลอรี่

เราได้ทำการรวบรวมรูปภาพที่เกี่ยวกับ ต้นเวลวิชเซีย ไว้ด้านล่างนี้แล้ว