หากใครเคยดูละครพื้นบ้านทางช่อง 7 อาจจะพอคุ้นหน้า เคยโด่งดังเล่นละครมีผลงานมาเป็นร้อยเรื่องสำหรับอดีตนักแสดงอาวุโส ‘แม่จิต สันต์ฤทัย มณีฉัตรฤดีโชติ’ ที่ล่าสุดมีข่าวเจ้าตัวไม่สบาย
โดยได้ทาง ‘ปลั๊ก สวีเดน’ นักแสดงวัยรุ่นจากละครพื้นบ้าน ที่เคยร่วมงานกันเข้าไปติดต่อให้ความช่วยเหลือพาไปส่งโรงพยาบาลในเบื้องต้น “โชคดีที่ได้ ‘ปลั๊ก’ (สวีเดน ทะสานนท์)
ซึ่งเคยเล่นเล่นละครด้วยกัน เขาให้เบอร์โทรป้าไว้ ป้าไม่รู้จะหันหน้าไปหาใครก็โทรไปหา เขาก็มาช่วยเอาป้าไปโรงพยาบาล และช่วยดูแลป้า เขาไม่ได้เป็นญาติเป็นอะไรกับเรา แต่มีน้ำใจช่วยเหลือคนแก่
และก็ได้เพื่อนบ้านช่วยดูแลบ้างในบางครั้ง ตอนนี้ต้องไปผ่ าตั ดหัวเ ข่ า แต่ไม่ได้ไป เพราะกลัวว่าไปผ่ าแล้ว จะยิ่งช่วยเหลือตัวเองลำบากขึ้น ปัจจุบันอาศัยอยู่ห้องเช่าคนเดียวโดยมีคนในละแวกนั้น
คอยช่วยเหลืออยู่บ้าง ส่วนรายได้ที่นำมาใช้จ่ายในชีวิต มาจากการที่เปิดขายของชำเล็ก ๆ น้อย ๆ ในห้องเช่าที่อาศัยอยู่ ซึ่งไม่พอกับค่ารักษาและใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน”
ต่อมาด้าน ‘บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์’ ได้ติดต่อไปยัง ‘แม่จิต สันต์ฤทัย’ และเข้าช่วยเหลือ ‘แม่จิต สันต์ฤทัย’ อีกทาง ซึ่ง ‘บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์’ ได้มีการไลฟ์สดขณะที่เข้าเยี่ยม ‘แม่จิต สันต์ฤทัย’
“วันนี้ผมมาช่วยเหลือ เป็นอดีตดารา ชื่อว่า ‘ป้าจิต’ ผมเคยเล่นละครกับ ‘ป้าจิต’ อยู่หลายเรื่องตอนสมัยที่ผมรับงาน ‘ดีด้า ดาราวิดีโอ’ ตอนนี้ก็มีคนส่งข่าวมาว่า ‘ป้าจิต’ กำลังเดือดร้อน ไม่มีใครดูแล
ผมเลยมาดูด้วยตัวเองว่า ‘ป้าจิต’ เข้าเกณฑ์ที่จะได้รับการดูแล ไปอยู่ในบ้านสุขสุดท้ายไหม ‘ป้าจิต’ แกอยากได้รถวีลแชร์ สิ่งของที่มาดูแลตัวเองเพราะตอนนี้ไม่ได้รับงานแล้ว แกไม่สบายมา 2 ปี
“ผมเคยร่วมงานกับ ‘แม่จิต’ เราไม่ได้เจอกันประมาณ 30 ปี ตอนนั้นผมแสดงเป็นพระเอก ‘แม่จิต’ แสดงเป็นแม่ เราเล่นละครด้วยกันหลายเรื่อง” พร้อมกับมอบรถวีลแชร์และมอบเงินจำนวน
20,000 บาท ไว้ให้กับ ‘แม่จิต’ ก่อนจะพูดอีกว่า “ถ้าวันใดวันหนึ่งแม่จิต รู้สึกว่าอยู่ไปคนเดียวแล้วไม่ไหว ให้บอกผม ผมจะพาไปอยู่บ้านสุขสุดท้ายเป็นพื้นที่สำหรับคนชราและผู้สูงอายุ คำว่าสุขสุดท้าย
‘คุณแม่จิต’ จะอยู่ที่นั่น มีความสุขจนกระทั่งคุณแม่หมดลมหายใจ สุขสุดท้ายของแม่จะอยู่ที่นั่น”
จากนั้น ‘บิณฑ์’ ก็ได้ไปหา ‘แม่จิต’ ที่ห้องพัก พูดคุย สอบถามเรื่องราวในชีวิตกัน ซึ่ง ‘แม่จิต’ ได้เล่าให้ ‘บิณฑ์’ ฟังว่า
‘ปลั๊ก’ เขาก็มาช่วย ไปเฝ้าเวลาไปโรงพย าบาล ให้เงินนั่งแท็กซี่ไปโรงพย าบาล
และเรี่ยไรเงินจากนักแสดงในกองถ่ายมาซื้อของใช้ที่จำเป็นให้ ห้องที่อยู่ก็เช่า เดือนละ 1,200 บาท ค่าน้ำต่างหาก
v
ป้ามีลูก 3 คน คนที่ดูแลก็เสียนานแล้ว เหลือคนโตอีกหนึ่งคน วันนั้นเขามาหา พอเห็นว่าเป็นอย่างนี้ เขาไม่พูดอะไรเลยสักคำ เขาเดินออกไปเฉย ๆ เราก็ไม่รู้หรอก ก็นึกว่าเขาจะไปซื้ออะไรกิน
ก็รู้สึกน้อยใจนะ ทำไมลูกถึงไม่บอกแม่สักคำว่าลูกจะกลับแล้วนะ ไม่ได้มาดูแลแม่ แม่ก็ไม่ว่า แต่มาเห็นแม่แบบนี้แล้วไปเลย จริง ๆ เคยมีบ้าน ไม่ได้ขายทิ้งแต่โดนหลอก ก็เลยไม่มีบ้านแล้ว
ตอนนั้นก็ไปอยู่ข้างโรงถ่ายละคร ‘พี่หรั่ง’ (ไพรัช สังวริบุตร) เช่าให้อยู่ ลูกชายเราไปมีเรื่องกับบ้านเช่า เขาเลยไม่ให้อยู่
ก็มาอยู่ที่นี่ เงินที่เคยหาได้ก็ไปกับลูกที่เสียไปแล้ว”