นับเป็นอีกหนึ่งนักแสดงตลกที่จะต้องบอกว่า ชีวิตช่วงหนึ่งเคยผกผันถึงขั้นไม่มีงานในวงการ รายได้หด อย่าง ‘หยอง ลูกหยี’ นักแสดงตลกชื่อดัง เนื่องจากว่าเรื่องราวที่ตนเองเคยแสดงจุดยืนในอดีตกาล
โดยเจ้าตัวเปิดใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น จนถึงทำให้งานหดหายแล้วก็ต้องหายตัวออกจากวงการ พร้อมกลับมาอยู่บ้านเกิดที่ จังหวัดลพบุรี เพื่อทำเกษตร ในอดีตที่ตนเข้าไปยุ่งเรื่องงนั้น ส่งผลกระทบต่องาน
ในวงการค่อนข้างมาก เรียกว่างานแสดง งานละคร หรืองานต่างๆหายไปเลย จากที่เคยมีรายได้ปีละ 7-8 ล้านบาท เมื่อเจอเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้รายได้ช่วงนั้นลดเหลือแค่ 1 ล้านบาทต่อปี
เรียกว่าลดลงไปเกินครึ่ง ในขณะที่ผู้ใหญ่ในวงการ อีกทั้งผู้จัดหรือเจ้าของแบรนด์ ได้เรียกเข้าไปคุยเพื่อจะปลดตนออกจากงานละครหรืองานจ้าง เนื่องจากว่าเหตุผลที่ตนไปแสดงทัศนคติ
ทางการเมืองที่ไม่ตรงกับกลุ่มลูกค้า ทำให้ตนจะต้องทำใจยอมรับ ซึ่งผลกระทบที่เกิดขึ้นส่วนตัวก็พร้อมยอมรับว่าเป็นการกระทำของตัวเอง ไม่ขอโทษใคร ยืนยันว่าที่ไปตอนนั้น
ตนไม่ได้เลือกข้าง ไม่คิดอยู่ข้างใครเลย แต่ว่าใช้เวทีนี้เพื่อบอกทุกคน รวมทั้งพูดในสิ่งที่ถูกต้อง ซึ่งจุดเป้าหมายสำคัญคือการไปปกป้องสถาบันไม่อยากให้ใครก้าวล่วง
ยิ่งกว่านั้น ผลกระทบนอกจากงานในวงการแล้ว ตนยอมรับว่าเพื่อนๆในวงการบางคนเลิกคบ แต่ว่าก็โชคดีที่ผ่านไปสักพักหลายคนก็รู้เรื่อง รวมทั้งยอมรับในสิ่งที่ตนเป็น ตนดูเหตุการณ์ในอดีต
ว่าเป็นบทเรียนหนึ่งในชีวิต ถามว่าถึงขั้นโทษตัวเองหรือไม่ที่ทำลงไปขณะนั้น ก็ไม่ได้โทษตัวเอง คิดว่าเป็นแค่เพียงสิ่งที่ตนต้องการพูด ในขณะนี้ส่วนตัวได้ตัดสินใจกลับมาอยู่ที่บ้านเกิด จังหวัดลพบุรี
เพื่อกลับมาทำไร่ทำสวนในแบบเกษตรพอเพียง บนพื้นที่กว่า 20 ไร่ โดยส่วนใหญ่จะเน้นปลูกผักที่สามารถเอามาทำเป็นอาหารได้ ตลอดจนเก็บเกี่ยวไว้ขายได้ อาทิ มันสำปะหลัง
ข้าวโพด มะขามเทศ แก้วมังกร และก็ยังขุดบ่อเลี้ยงปลาด้วย ขณะที่รายได้จากการทำไร่ทำสวนนั้น จะต้องพูดว่าไม่ได้เน้นกำไร เน้นพออยู่พอกิน หลักๆจะมีรายได้เข้ามาช่วง 4-6 เดือน
จะมีเข้ามา 1 ครั้ง เพราะว่าเป็นการรอเก็บเกี่ยวผลิตผล ชีวิตอนนี้ยอมรับว่ามีความสุข ถึงแม้ต้องปรับเปลี่ยนการใช้เงินและสไตล์การใช้ชีวิต อยู่มา 6 ปีชีวิตค่อนข้างลงตัวแล้ว
“ตอนเจอกระแส คนพูดว่าผมไม่มีสมัยเป็นของตนเอง ผมก็ไม่เคยรู้ว่าผมสมัยไหน ตอนไหน มันมีตอนมากมายตอนน้อย 35 ปีที่ผมอยู่แวดวงมา ผมก็อยู่ของผมอย่างงี้ จอผมก็มีของผมเรื่อย
หนังผมก็มีเรื่อยๆ ละครผมก็มีของผมอย่างนี้แหละ แต่ว่าผมไม่ได้พีค ไม่ได้เป็นซุปตาร์ใหญ่ ก็ไม่รู้ว่าผมมียุคหรือเปล่า แต่ว่าผมก็อยู่ของผมแบบนี้ ก็ถ้าย้อนไปสมัย 25 ปี 20 ปีที่แล้ว
เป็นสมัยที่คาเฟ่เยอะๆละครมี หนังมี ละครเล่นกันไม่ได้หลับได้นอนจะต้องนอนบนรถยนต์พวกนั้น ก็อาจใช่สมัยผมก็ได้ แต่ว่ามันก็คนอาจไม่ค่อยเห็นก็ได้ เพราะว่าผมมันตลกออกทีวีน้อย
ผมจะงานคณะเยอะ งานนอกเยอะ งานผู้ใหญ่งานต่างจังหวัดเยอะ เทศบาล สส. สจ. งานเจ้าพ่อเยอะในสมัยของผม แล้วมุกผมมันเล่นออกทีวีไม่ค่อยได้”